แนวข้อสอบกฎหมายระเบียบงานสารบรรณ
1. ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ ฉบับปัจจุบันเป็นฉบับ พ.ศ.ใด
ก. พ.ศ. 2526 ข. พ.ศ. 2527
ค. พ.ศ. 2528 ง. พ.ศ. 2529
ตอบ ก. พ.ศ. 2526
ว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526
2. ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม เป็นฉบับที่เท่าไร
ก. ฉบับที่ 2 , พ.ศ. 2545 ข. ฉบับที่ 2 , พ.ศ. 2548
ค. ฉบับที่ 3 , พ.ศ. 2545 ง. ฉบับที่ 3 , พ.ศ. 2548
ตอบ ข. ฉบับที่ 2 , พ.ศ. 2548
ระเบียบสำนักนายยกรัฐมนตรี ว่าด้วยงานสารบรรณ (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2548
3. เหตุผลที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526
ก. เพื่อให้เหมาะสมกับภาวการณ์ปัจจุบัน
ข. เพื่อให้สอดคล้องกับการบริหารราชการแนวใหม่
ค. เพื่อลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายยกรัฐมนตรี ว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ในปัจจุบันที่มีการปฏิบัติงานที่มีการปฏิบัติงานสารบรรณด้วยระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์และเป็นการสอดคล้องกับการบริหารราชการแนวใหม่ที่มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ ความคุ้มค่า และการลด
ขั้นตอนการปฏิบัติงาน สมควรวางระบบงานสารบรรณให้เป็นการดำเนินงานที่มีระบบ มีความรวดเร็วมีประสิทธิภาพ และลดความซ้ำซ้อน ในการปฏิบัติราชการ
4. ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยงานสรรบรรณ (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2548 อาศัยอำนาจกฎหมายใดในการประกาศใช้
ก. มาตรา 11(8) แห่งพระราชบัญญัติบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2535
ข. มาตรา 11(6) แห่งพระราชบัญญัติบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2535
ค. มาตรา 11(8) แห่งพระราชบัญญัติบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2538
ง. มาตรา 11(6) แห่งพระราชบัญญัติบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2538
ตอบ ก. มาตรา 11(8) แห่งพระราชบัญญัติบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2535
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11(8) แห่งพระราชบัญญัติบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีจึงวางระเบียบไว้
5. ระเบียบสำนักนายยกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ ถูกประกาศใช้โดยความเห็นชอบของผู้ใด
ก. รัฐมนตรี ข. คณะรัฐมนตรี
ค. วุฒิสภา ง. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ตอบ ข. คณะรัฐมนตรี
คำอธิบายดังข้อข้างต้น
6. ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548 มีผลบังคับใช้เมื่อใด
ก. นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ข. นับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ค. 3 วันหลังจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ง. 7 วัน หลังจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ตอบ ข. นับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
7. ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยงานสารบรรณ ฉบับนี้ใช้บังคับแก่หน่วยงานใด
ก. เอกชน ข. รัฐวิสาหกิจ
ค. ส่วนราชการ ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ค. ส่วนราชการ
ระเบียบ ฯ ข้อ 4 ระเบียบนี้ให้บังคับแก่ส่วนราชการส่วนราชการใดมีความจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติงานสารบรรณนอกเหนือจากที่ได้กำหนดไว้ ในระเบียบนี้ให้ขอทำความตกลงกับผู้รักษาการตามระเบียบนี้
8. “งานสารบรรณ” หมายถึง
ก. งานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานเอกสาร
ข. งานที่เกี่ยวข้องกับหนังสือธุรการ
ค. งานที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อสื่อสาร
ง. งานที่เกี่ยวข้องกับการนำเสนอ
ตอบ ก. งานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานเอกสาร
ระเบียบ ฯ ข้อ 6 ในระเบียบนี้
“งานสารบรรณ” หมายความว่า งานที่เกี่ยวกับการบริหารงานเอกสาร เริ่มตั้งแต่การจัดทำ การรับ การส่ง การเก็บรักษา การยืม จนถึงการทำลาย
“หนังสือ” หมายความว่า หนังสือราชการ
“ส่วนราชการ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม สำนักงาน หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐ ทั้งในราชการบริหารส่วนกลาง ราชการบริหารส่วนภูมิภาค ราชการบริหารส่วนท้องถิ่น หรือในต่างประเทศและให้หมายความรวมถึงคณะกรรมการด้วย
9. “ส่วนราชการ” หมายถึงหน่วยงานใด
ก. กระทรวง ทบวง กรม ข. หน่วยงานอื่นๆใดของรัฐ
ค. ราชการบริหารส่วนท้องถิ่น ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
คำอธิบายดังข้อข้างต้น
10. ข้อใดไม่ใช่ความหมายของคำว่า “อิเล็กทรอนิกส์”
ก. การประยุกต์ใช้ทางอิเล็กตรอน
ข. การประยุกต์ใช้ทางไฟฟ้า
ค. การประยุกต์ใช้ทางคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ง. ไม่มีข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง
ตอบ ง. ไม่มีข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง
“อิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า การประยุกต์ใช่วิธีการทางอิเล็กตรอน ไฟฟ้า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าหรือวิธีอื่นใดในลักษณะคล้ายกัน และให้ความหมายรวมถึงการประยุกต์ใช้วิธีการทางแสง วิธีการทางแม่เหล็ก หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการประยุกต์ใช้วิธีต่างๆ เช่นว่านั้น
11. การรับส่งข้อมูลข่าวสารหรือหนังสือผ่านระบบสื่อสารด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นความหมายถึงสิ่งใด
ก. ระเบียบงานสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์
ข. ระบบงานสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์
ค. การสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์
ง. การสื่อสารทางไกล
ตอบ ข. ระบบงานสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์
“ระบบงานสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า การรับส่งข้อมูลข่าวสารหรือหนังสือผ่านระบบสื่อสารด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์””
12. ผู้รักษาการตามระเบียบว่าด้วยงานสารบรรณ คือใคร
ก. คณะรัฐมนตรี ข. รัฐมนตรี
ค. ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ง. นายกรัฐมนตรี
ตอบ ค. ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ระเบียบฯ ข้อ 8 ให้ปลัดนายกรัฐมนตรีรักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอำนาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ รวมทั้งการแก้ไขเพิ่มเติมภาคผนวกและจัดทำคำอธิบายกับให้มีหน้าที่ดำเนินการฝึกอบรมเกี่ยวกับงานสารบรรณ
การตีความ การวินิจฉัยปัญหา และการแก้ไขเพิ่มเติมภาคผนวก และคำอธิบายตามวรรคหนึ่ง ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจะขอความเห็นจากคณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงและพัฒนาระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อประกอบการพิจารณาก็ได้
13. “หนังสือราชการ” ตามระเบียบฉบับนี้หมายถึงสิ่งใด
ก. เอกสารที่เป็นหลักฐานในทางราชการ
ข. หนังสือที่เป็นหลักฐานในทางราชการ
ค. เอกสารที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร
ง. หนังสือที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร
ตอบ ก. เอกสารที่เป็นหลักฐานในทางราชการ
ระเบียบฯ ข้อ 9 หนังสือราชการ คือ เอกสารที่เป็นหลักฐานในราชการ ได้แก่
9.1 หนังสือที่มีไปมาระหว่างส่วนราชการ
9.2 หนังสือที่ส่วนราชการมีไปถึงหน่วยงานอื่นใดซึ่งมิใช่ส่วนราชการ หรือที่มีไปถึงบุคคลภายนอก
9.3 หนังสือที่หน่วยงานอื่นใดซึ่งมิใช่ส่วนราชการ หรือบุคคลภายนอกมีมาถึงส่วนราชการ
9.4 หนังสือที่ทางราชการจัดทำขึ้นเพื่อเป็นหลักฐานในราชการ
9.5 หนังสือที่ทางราชการจัดทำขึ้นตามกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับ
9.6 ข้อมูลข่าวสารหรือหนังสือที่ได้รับจากระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์
14. หนังสือราชการมีกี่ชนิด
ก. 3 ชนิด ข. 4 ชนิด
ค. 5 ชนิด ง. 6 ชนิด
ตอบ ง. 6 ชนิด
ระเบียบฯ ข้อ 10 หนังสือ มี 6 ชนิด คือ
10.1 หนังสือภายนอก
10.2 หนังสือภายใน
10.3 หนังสือตราประทับ
10.4 หนังสือสั่งการ
10.5 หนังสือประชาสัมพันธ์
10.6 หนังสือที่เจ้าหน้าที่ทำขึ้น หรือรับไว้เป็นหลักฐานในราชการ
15. ข้อใดมิใช่ชนิดของหนังสือราชการ
ก. หนังสือประทับตรา
ข. หนังสือประชาสัมพันธ์
ค. หนังสือสำคัญ
ง. หนังสือที่เจ้าหน้าที่ทำขึ้น
ตอบ ค. หนังสือสำคัญ
คำอธิบายดังข้อข้างต้น
16. หนังสือติดต่อราชการที่เป็นพิธีการ โดยใช้กระดาษตราครุฑ เป็นหนังสือติดต่อระหว่างส่วนราชการหรือส่วนราชการมีถึงหน่วยงานอื่นใด ซึ่งมิใช่ส่วนราชการ หรือที่มีบุคคลภายนอก เรียกว่า
ก. หนังสือประชาสัมพันธ์
ข. หนังสือประทับตรา
ค. หนังสือภายใน
ง. หนังสือภายนอก
ตอบ ง. หนังสือภายนอก
ระเบียบฯ ข้อ 11 หนังสือภายนอก คือ หนังสือติดต่อราชการที่เป็นแบบพิธีการใช้กระดาษตราครุฑเป็นหนังสือติดต่อระหว่างส่วนราชการ หรือส่วนราชการมีถึงหน่วยงานอื่นใดซึ่งมิใช่ส่วนราชการ หรือที่มีถึงบุคลภายนอก ให้จัดทำตามแบบที่ 1 ท้ายระเบียบโดยกรอกรายละเอียด ดังนี้ 11.1 ที่ให้ลงรหัสตัวพยัญชนะและเลขประจำตัวของเจ้าของเรื่อง ตามกำหนดไว้ในภาคผนวก 1 ทับเลขทะเบียนหนังสือส่ง สำหรับหนังสือของคณะกรรมการให้กำหนดรหัสตัวพยัญชนะเพิ่มขึ้นได้ตามความจำเป็น
11.2 ส่วนราชการเจ้าของหนังสือ ให้ลงชื่อส่วนราชการ สถานที่ราชการ หรือคณะกรรมการ ซึ่งเป็นเจ้าของหนังสือนั้น และโดยปกติให้ลงชื่อตั้งไว้ด้วย
11.3 วัน เดือน ปี ให้ลงตัวเลขของวันที่ ชื่อเต็มของเดือน และตัวเลขของปีพุทธศักราชที่ออกหนังสือ
11.4 เรื่อง ให้ลงเรื่องย่อที่เป็นใจความสั้นที่สุดของหนังสือฉบับนั้น ในกรณีที่เป็นหนังสือต่อเนื่อง โดยปกติให้ลงเรื่องของหนังสือฉบับเดิม
11.5 คำขึ้นต้น ให้ใช้คำขึ้นต้นตามฐานะของผู้รับหนังสือตามตารางการใช้คำขึ้นตนสรรพนาม และคำลงท้าย ที่กำหนดไว้ในภาคผนวก 2 แล้วลงตำแหน่งของผู้ที่หนังสือนั้นมีถึง หรือชื่อบุคคลในกรณีที่มีถึงตัวบุคคลไม่เกี่ยวกับตำแหน่งหน้าที่
11.6 อ้างถึง (ถ้ามี) ให้อ้างถึงหนังสือที่เคยมีติดต่อกันเฉพาะหนังสือที่ส่วนราชการผู้รับหนังสือได้รับมาก่อนแล้ว จะจากส่วนราชการใดก็ตาม โดยให้ลงชื่อส่วนราชการเจ้าของหนังสือและเลขที่หนังสือ วันที่ เดือน ปีพุทธศักราช ของหนังสือนั้นการอ้างอิง ให้อ้างอิงหนังสือฉบับสุดท้ายที่ติต่อกันเพียงฉบับเดียว เว้นแต่มีเรื่องอื่นที่เป็นสาระสำคัญต้องนำมาพิจารณา จึงอ้างถึงหนังสือฉบับอื่นๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องนั้นโดยเฉพาะให้ทราบด้วย
11.7 สิ่งที่ส่งมาด้วย (ถ้ามี) ให้ลงชื่อสิ่งของ เอกสาร หรือบรรณสารที่ส่งไปพร้อมกับหนังสือนั้น ในกรณีที่ไม่สามารถส่งไปในซิองเดียวกันได้ ให้แจ้งด้วยว่าส่งไปโดยทางใด
11.8 ข้อความ ให้ลงสาระสำคัญของเรื่องให้ชัดเจนและเข้าใจง่าย หากมีความประสงค์หลายประการให้แยกเป็นข้อ ๆ
11.9 คำลงท้าย ให้ใช้คำลงท้ายตามฐานะของผู้รับหนังสือตามตารางการใช้คำขึ้นต้นสรรพนาม และคำลงท้าย ที่กำหนดไว้ในภาคผนวก 2
11.10 ลงชื่อ ให้ลงลายมือชื่อเจ้าของหนังสือ และให้พิมพ์ชื่อเต็มของเจ้าของลายมือชื่อไว้ได้ลายมือชื่อ ตามรายละเอียดที่กำหนดไว้ในผนวก 3
11.11 ตำแหน่ง ให้ลงตำแหน่งของเจ้าของหนังสือ
11.12 ส่วนราชการเจ้าของเรื่อง ให้ลงชื่อส่วนราชการเจ้าของเรื่อง หรือหน่วยงานที่ออกหนังสือ ถ้าส่วนราชการที่ออกหนังสืออยู่ในระดับกระทรวง หรือทบวง ให้ลงชื่อส่วนราชการเจ้าของเรื่องระดับกรมและกอง ถ้าส่วนราชการที่ออกหนังสืออยู่ในระดับกรมลงมา ให้ลงชื่อส่วนราชการเจ้าของเรื่องเพียงระดับกองหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบ
11.13 โทร. ให้ลงหมายเลยโทรศัพท์ของส่วนราชการเจ้าของเรื่อง หรือหน่วยงานที่ออกหนังสือและหมายเลขภายในตู้สาขา (ถ้ามี) ไว้ด้วย
11.14 สำเนาส่ง (ถ้ามี) ในกรณีที่ผู้จัดทำสำเนาส่งไปให้ส่วนราชการ หรือบุคคลอื่นทราบและประสงค์จะให้ผู้รับทราบว่าได้มีสำเนาส่งไปให้ผู้ใดแล้ว ให้พิมพ์ชื่อเต็ม หรือชื่อย่อของส่วนราชการหรือชื่อบุคคลที่ส่งสำเนาไปให้ เพื่อให้เป็นที่เข้าใจระหว่างผู้ส่งและผู้รับ ถ้าหากมีรายชื่อที่ส่งมากให้พิมพ์ว่าส่งไปตามรายชื่อที่แนบ และแนบรายชื่อไปด้วย
17. รายละเอียดใดที่ไม่จำเป็นต้องมีในหนังสือภายนอก
ก. คำขึ้นต้น ข. ตำแหน่ง
ค. โทรศัพท์ ง. คำสั่ง
ตอบ ง. คำสั่ง
18. หนังสือที่ใช้ติดต่อภายในกระทรวง ทบวง กรม หรือจัดหวัดเดียวกันเป็นหนังสือประเภทใด
ก. หนังสือภายใน ข. หนังสือประทับตรา
ค. หนังสือสั่งการ ง. หนังสือประชาสัมพันธ์
ตอบ ก. หนังสือภายใน
ระเบียบฯ ข้อ 12 หนังสือภายใน คือ หนังสือติดต่อราชการที่เป็นแบบพิธีน้อยกว่าหนังสือภายนอกเป็นหนังสือติดต่อภายในกระทรวง ทบวง กรม หรือจังหวัดเดียวกัน ใช้กระดาษบันทึกข้อความ และให้จัดทำตามแบบที่ 2 ท้ายระเบียบ โดยกรอกรายละเอียดดังนี้
19. การเขียน “หนังสือภายใน” ให้ใช้กระดาษประเภทใด
ก. กระดาษตราครุฑ
ข. กระดาษประทับตรา
ค. กระดาษบันทึกข้อความ
ง. กระดาษเอสี่เรียบ
ตอบ ค. กระดาษบันทึกข้อความ
คำอธิบายดังข้อข้างต้น
20. “ส่วนราชการ” ในหนังสือภายในจะเขียนว่าอย่างไร
ก. ลงชื่อส่วนราชการเจ้าของเรื่อง
ข. ลงชื่อหน่วยงานที่ออกหนังสือ
ค. ถูกทั้งข้อ ก. และข้อ ข.
ง. ไม่มีข้อใดกล่าวถูกต้อง
ตอบ ค. ถูกทั้งข้อ ก. และข้อ ข.
ระเบียบฯ ข้อ 12.1 ส่วนราชการ ให้ลงชื่อส่วนราชการเจ้าของเรื่อง หรือหน่วยงานที่ออกหนังสือโดยมีรายละเอียดพอสมควร โดยปกติถ้าส่วนราชการที่ออกหนังสืออยู่ในระดับกรมขึ้นไป ให้ลงชื่อส่วนราชการเจ้าของเรื่องทั้งระดับ กรมและกอง ถ้าส่วนราชการที่ออกหนังสือยู่ในระดับต่ำกว่ากรมลงมาให้ลงชื่อส่วนราชการเจ้าของเรื่องเพียงระดับกอง หรือส่วนราชการเจ้าของเรื่องพร้อมทั้งหมายเลขโทรศัพท์ (ถ้ามี)
21. การลงวันที่ในหนังสือภายนอกข้อใดถูกต้อง
ก. 1 / 01 / 2010 ข. 1 ม.ค. 2553
ค. 1 มกราคม 2553 ง. วันที่ 1 เดือนมกราคม พ.ศ. 2553
ตอบ ค. 1 มกราคม 2553
ระเบียบฯ ข้อ 12.3 วันที่ ให้ลงตัวเลขของวันที่ ชื่อเต็มของเดือน และตัวเลขของปีพุทธศักราชที่ออกหนังสือ
22. หนังสือประทับตราใช้ในกรณีใด
ก. ระหว่างส่วนราชการกับส่วนราชการ
ข. ระหว่างส่วนราชการกับบุคคลภายนอก
ค. เฉพาะเรื่องที่ไม่สำคัญ
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
หนังสือประทับตราให้ใช้ได้ทั้งระหว่างส่วนราชการกับส่วนราชการ และระหว่างส่วนราชการกับบุคคลภายนอก เฉพาะกรณีที่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ได้แก่
13.1 การขอรายละเอียดเพิ่มเติม
13.2 การส่งสำเนาหนังสือ สิ่งของ เอกสาร หรือบรรณสาร
13.3 การตอบรับทราบที่ไม่เกี่ยวกับราชการสำคัญ หรือการเงิน
13.4 การแจ้งผลงานที่ได้ดำเนินการไปแล้วให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทราบ
13.5 การเตือนเรื่องที่ค้าง
13.6 เรื่องซึ่งหัวหน้าส่วนราชการระดับกรมขึ้นไปกำหนดโดยทำเป็นคำสั่ง ให้ใช้หนังสือประทับตรา
23. ข้อใดไม่ควรใช้หนังสือประทับตรา
ก. การขอรายละเอียดเพิ่มเติม
ข. การส่งสำเนาหนังสือ
ค. หนังสือที่ไปมาระหว่างส่วนราชการ
ง. การเตือนเรื่องที่ค้าง
ตอบ ค. หนังสือที่ไปมาระหว่างส่วนราชการ
คำอธิบายดังข้อข้างต้น
24. การแจ้งผลงานที่ได้ดำเนินการไปแล้วให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทราบให้ใช้หนังสือประเภทใด
ก. หนังสือประทับตรา ข. หนังสือภายใน
ค. หนังสือภายนอก ง. หนังสือประชาสัมพันธ์
ตอบ ก. หนังสือประทับตรา
คำอธิบายดังข้อข้างต้น
25. เรื่องที่หัวหน้าส่วนราชการทำขึ้นเป็นคำสั่งให้ใช้หนังสือประทับตรานั้น ต้องเป็นระดับใดขึ้นไป
ก. ระดับกองขึ้นไป ข. ระดับกรมขึ้นไป
ค. ระดับแผนกขึ้นไป ง. ระดับกระทรวงขึ้นไป
ตอบ ข. ระดับกรมขึ้นไป
ระเบียบฯ ข้อ 13 หนังสือประทับตรา คือ หนังสือที่ใช้ประทับตราแทนการลงชื่อของหัวหน้าส่วนราชการระดับกรมขึ้นไป โดยให้หัวหน้าส่วนราชการระดับกอง หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าส่วนราชการระดับกรมขึ้นไป เป็นผู้รับผิดชอบลงชื่อย่อกำกับตรา
26. หนังสือประทับตราให้ใช้กระดาษชนิดใด
ก. กระดาษเอสี่เรียบ ข. กระดาษบันทึกข้อความ
ค. กระดาษตราครุฑ ง. กระดาษประทับตรา
ตอบ ค. กระดาษตราครุฑ
ระเบียบฯ ข้อ 14 หนังสือประทับตรา ใช้กระดาษตราครุฑ และให้จัดทำตามแบบที่ 3 ท้ายระเบียบ โดยกรอกรายละเอียดดังนี้
14.1 ที่ให้ลงรหัสตัวพยัญชนะและเลขประจำตัวของเจ้าของเรื่อง ตามกำหนดไว้ในภาคผนวก 1 ทับเลขทะเบียนหนังสือ
14.2 ถึง ให้ลงชื่อส่วนราชการ หน่วยงาน หรือบุคคลที่หนังสือนั้นมีถึง
14.3 ข้อความ ให้ลงสาระสำคัญของเรื่องให้ชัดเจนและเข้าใจง่าย
14.4 ชื่อส่วนราชการที่ส่งหนังสือออก ให้ลงชื่อส่วนราชการที่ส่งหนังสือออก
14.5 ตราชื่อส่วนราชการ ให้ประทับตราชื่อส่วนราชการตามข้อ 72 ด้วยหมึกแดงและให้ผู้รับผิดชอบลงลายมือชื่อย่อกำกับกัด
14.6 วัน เดือน ปี ให้ลงตัวเลขของวันที่ ชื่อเต็มของเดือนและตัวเลขของปีพุทธศักราชที่ออกหนังสือ
14.7 ส่วนราชการเจ้าของเรื่อง ให้ลงชื่อส่วนราชการเจ้าของเรื่อง หรือหน่อยงานที่ออกหนังสือ
14.8 โทร. หรือที่ตั้ง ให้ลงหมายเลขโทรศัพท์ของส่วนราชการเจ้าของเรื่อง และหมายเลขภายในตู้สาขา (ถ้ามี) ด้วย ในกรณีที่ไม่มีโทรศัพท์ ให้ลงที่ตั้งของส่วนราชการเจ้าของเรื่องโดยให้ลงตำบลที่อยู่ตามความจำเป็น และแขวงไปรษณีย์ (ถ้ามี)
27. รายละเอียดใดที่ไม่ต้องลงในหนังสือประทับตรา
ก. ตราชื่อส่วนราชการ ข. โทรศัพท์หรือที่ตั้ง
ค. สั่ง ณ วันที่ ง. ชื่อส่วนราชการที่ส่งหนังสือออก
ตอบ ค. สั่ง ณ วันที่
คำอธิบายดังข้อข้างต้น
28. ตราชื่อส่วนราชการ ของหนังสือประทับตราลงด้วยหมึกอย่างไร
ก. หมึกสีแดง ข. หมึกสีดำ
ค. หมึกสีน้ำเงิน ง. หมึกสีอะไรก็ได้
ตอบ ก. หมึกสีแดง
คำอธิบายดังข้อข้างต้น
29. “หนังสือสั่งการ” มีกี่ชนิด
ก. 2 ชนิด ข. 3 ชนิด
ค. 4 ชนิด ง. 5 ชนิด
ตอบ ข. 3 ชนิด
หนังสือสั่งการมี 3 ชนิด ได้แก่ คำสั่ง ระเบียบ และข้อบังคับ
30. ข้อใดกล่าวถึงชนิดของหนังสือสั่งการถูกต้อง
ก. คำสั่ง ระเบียบ และกฎ
ข. คำสั่ง ระเบียบ และข้อบังคับ
ค. คำสั่ง ข้อบังคับ และกฎ
ง. คำสั่ง ระเบียบ ข้อบังคับ และกฎ
ตอบ ข. คำสั่ง ระเบียบ และข้อบังคับ
คำอธิบายดังข้อข้างต้น
31. หนังสือสั่งการให้ใช้กระดาษชนิดใด
ก. กระดาษประทับตรา ข. กระดาษเอสี่เรียบ
ค. กระดาษบันทึกข้อความ ง. กระดาษตราครุฑ
ตอบ ง. กระดาษตราครุฑ
32. บรรดาข้อความที่ผู้บังคับบัญชีสั่งการให้ปฏิบัติโดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นหนังสือสั่งการชนิดใด
ก. คำสั่ง ข. ระเบียบ
ค. ข้อบังคับ ง. กฎ
ตอบ ก. คำสั่ง
33. ข้อบังคับ ในหนังสือสั่งการ รายละเอียดใดไม่จำเป็นต้องมี
ก. ข้อบังคับ ข. ว่าด้วย
ค. ประกาศ ง. ตำแหน่ง
ตอบ ค. ประกาศ
ระเบียบฯ ข้อ 18 ข้อบังคับ คือบรรดาข้อความที่ผู้มีอำนาจหน้าที่กำหนดให้ใช้โดยอาศัยอำนาจของกฎหมายที่บัญญัติให้ทำได้ ใช้กระดาษตราครุฑ และให้จัดทำตามแบบที่ ท้ายระเบียบ โดยกรอกรายละเอียดดังนี้
18.1 ข้อบังคับ ให้ลงชื่อส่วนราชการที่ออกข้อบังคับ
18.2 ว่าด้วย ให้ลงชื่อของข้อบังคับ
18.3 ฉบับที่ ถ้าเป็นข้อบังคับที่กล่าวถึงเป็นครั้งแรกในเรื่องนั้น ไม่ต้องลงว่าเป็นฉบับที่เท่าใด แต่ถ้าเป็นข้อบังคับเรื่องเดียวกันที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมให้ลงเป็นฉบับที่ 2 และถัด ๆ ไปตามลำดับ
18.4 พ.ศ. ให้ตัวเลขของปีพุทธศักราชที่ออกข้อบังคับ
18.5 ข้อความให้อ้างเหตุผลโดยย่อเพื่อแสดงถึงความมุ่งหมายที่ต้องออกข้อบังคับและอ้างถึงกฎหมายที่ให้อำนาจออกข้อบังคับ
18.6 ข้อ ให้เรื่องข้อความที่จะใช้บังคับเป็นข้อ ๆ โดยให้ ข้อ 1 เป็นชื่อบังคับ ข้อ 2 เป็นวันใช้บังคับกำหนดว่าให้ใช้บังคับตั้งแต่เมื่อใด และข้อสุดท้ายเป็นข้อผู้รักษาการ ข้อบังคับใดถ้ามีมากข้อหรือหลายเรื่องจะแบ่งเป็นหมวดก็ได้ โดยให้ย้ายข้อผู้รักษาการไปเป็นข้อสุดท้ายก่อนที่จะขึ้น
34. “ข้อ” ในหนังสือสั่งการประเภทใดไม่ต้องมี
ก. คำสั่ง ข. ระเบียบ
ค. ข้อบังคับ ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ก. คำสั่ง
คำอธิบายดังข้อข้างต้น